ควรเลือกใช้อินดิเคเตอร์ตัวใดในการเทรด?

ลองมาทำความเข้าใจและเลือกอินดิเคเตอร์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการช่วยนักเทรดสร้างผลกำไรได้สำเร็จ เพื่อให้การจัดประเภทสำหรับอินดิเคเตอร์ที่ใช้วิเคราะห์ทางเทคนิคทั้งหมดนั้นดูง่ายมากขึ้น เราจะมาแบ่งตัวบ่งชี้เหล่านั้นออกเป็น 3 กลุ่ม

กลุ่ม 1 อินดิเคเตอร์บอกแนวโน้ม

กลุ่มนี้รวมเครื่องมือที่ช่วยนักเทรดในการตัดสินทิศทางของแนวโน้มแบบปัจจุบันเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่สำคัญมากในการเทรดที่ขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวของแนวโน้มหากแนวโน้มเทลงต่ำอย่างชัดเจน (เช่น ราคาค่อยๆตกลงมาเรื่อยๆ) คุณควรเชื่อว่ามันจะตกต่ำลงไปอีก นักเทรดส่วนมากมักใช้ตัวบ่งชี้แนวโน้มดังนี้ในการทำงาน

Bollinger indicator

ตัวบ่งชี้โบลลินเจอร์เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่ใช้กันแพร่หลายมากที่สุดที่ประมาณการแนวโน้มที่เหนือกว่าได้อย่างมีประสิทธิภาพจวบจนถึงทุกวันนี้ มันถูกใช้อยู่บนชาร์ตแสดงราคา Bollinger indicator ประกอบด้วยกราฟ3 เส้น เมื่อราคาอยู่ต่ำกว่ากราฟเส้นเหล่านี้หมายความว่าแนวโน้มกำลังตกลง และเมื่อราคาขึ้นไปยืนเหนือกราฟเส้นนั่นหมายถึงแนวโน้มปรับตัวขึ้น

เมื่อราคาคงที่อยู่ตรงกราฟเส้นกลางเป็นเวลานาน หมายความว่าตลาดในปัจจุบันกำลังราบเรียบ ช่วงจังหวะของตลาดแบบนี้ทำให้นักเทรดผ่อนคลายลงและรอจนกระทั่งราคาปรับในทิศทางใดทิศทางหนึ่งอีกครั้ง

Ichimoku Kinko Hyo indicator

Ichimoku indicator คือหนึ่งในตัวบ่งชี้ที่ซับซ้อนมากที่สุดแต่ขณะเดียวกันก็เป็นเครื่องมือที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดเช่นกัน ตัวบ่งชี้ตัวนี้ประกอบด้วยกราฟ5 เส้นที่จะบ่งบอกสัญญาณบางอย่างเมื่อถูกตัดผ่าน สัญญาณจาก Ichimoku Kinko Hyoที่เกิดบ่อยที่สุดคือ:

  • การเปลี่ยนสีของ “เมฆ” เมื่อระยะทางระหว่างเส้น Chinkou A และChinkou B เกิดความเปลี่ยนแปลง
  • การเกิดการ “ตัดผ่าน” (golden และ dead) เมื่อกราฟเส้น Tenkanและ Kijun ตัดกัน

Ichimokuถูกใช้บ่อยบนชาร์ตโดยใช้กราฟเส้นเป็นตัวบ่งบอกนักเทรดถึงโมเมนตั้มของแนวโน้ม

เมฆ Ichimokuจัดเป็นตัวบ่งชี้แบบ “ตรวจสอบตัวเอง” เมื่อสัญญาณ Ichimokuทั้งหมดบอกไปในทิศทางเดียวกัน (แนวโน้มขาขึ้นหรือขาลง) นั่นหมายความว่าความเป็นไปได้ของการคาดการณ์นั้นมีค่อนข้างสูง ในกรณีนี้คุณสามารถซื้อออพชั่นได้อย่างมั่นใจไม่มีลังเล ตัวบ่งชี้ถูกใช้สำหรับกรอบเวลาที่กว้างกว่าเพราะหน้าที่หลักของมันคือการชี้ชัดแนวโน้มของตลาด ยิ่งแนวโน้มแข็งแรงมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งเห็นกรอบเวลาได้ชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น

MACD indicator

ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค MACD สามารถเห็นได้บนชาร์ตในรูปแบบกราฟเส้นหรือกราฟแท่ง ในตัวอย่างแรกนี้ตัวบ่งชี้จะถูกวางไว้บนชาร์ตราคาฉะนั้นจึงดูเหมือนกันมากกับเครื่องมือเทคนิคอื่นที่คล้ายกัน

เมื่อใช้ MACD ในรูปแบบกราฟแท่ง จะมีชาร์ตอีกอันหนึ่งถูกสร้างขึ้นซึ่งปรากฎเส้นแนวตั้งอยู่บนเส้นแนวขวาง หากเส้นแนวตั้งอยู่เหนือเส้นแนวขวาง หมายถึงแนวโน้มขาขึ้นเกิดขึ้นในตลาดอย่างชัดเจน ไม่เช่นนั้นเมื่อสัญญาณสื่อให้เห็นถึงโมเมนตั้มขาลงราคาก็จะตกต่ำลงด้วย ความสูงของเส้นแนวตั้งมีความสำคัญเช่นกัน เส้นเหล่านี้เมื่อใหญ่ขึ้นมากขึ้นเท่าไหร่จะหมายถึงความแข็งแรงของแนวโน้มที่มากขึ้นเท่านั้น

ตามปกตินักเทรดมักใช้ตัวบ่งชี้ MACD เมื่อซื้อขายกันในช่วงกรอบเวลายาวเพราะเครื่องมือตัวนี้บอกอะไรไม่ได้มากในกรอบเวลาสั้นๆและอาจทำให้เข้าใจผิดหรือเขวได้ ซึ่งข้อนี้นักเทรดที่ต้องการซื้อขายมีรายได้มั่นคงควรต้องระลึกไว้เสมอ

กลุ่ม 2 Oscillators

เครื่องมือทางเทคนิคเหล่านี้ปกติจะถูกนำมาใช้เมื่อภาวะตลาดราบเรียบคือไม่มีแนวโน้มใดแกร่งขึ้นมา (เมื่อราคาขยับไปในช่องสัญญาณราคาบางจุด) นักเทรดออพชั่นหลายคนจัดสภาวะตลาดแบบนี้ว่าเป็นช่วงที่เพอร์เฟ็กต์เหมาะสมต่อการทำผลลัพธ์ให้สำเร็จ

อาทิเช่น หากนักเทรดโฟเร็กซ์มีการคำนวณจำนวนจุดที่ราคาตัดผ่าน นักเทรดออพชั่นจะตัดข้อมูลนั้นทิ้งเสียและไม่นำข้อมูลนั้นไปใช้เพราะจัดเป็นข้อมูลที่ไม่สำคัญ ระดับของราคาที่สามารถไปถึงได้นั้นเป็นข้อมูลที่สำคัญกว่าในสายตาของนักเทรดออพชั่น มันไม่สำคัญสำหรับพวกเขาเลยว่าราคาจะเปลี่ยนไป 2-3 จุด หรือมากกว่านั้น เพราะฉะนั้นนักเทรดประเภทนี้จึงใช้ตัวบ่งชี้ด้านล่างดังนี้

Momentum indicator

อินดิเคเตอร์นี้มีประสิทธิภาพสำหรับการทำงานในช่องสัญญาณราคา เช่น เมื่อสภาวะตลาดราบเรียบและไม่มีแนวโน้มใดเกิดขึ้น บ่อยครั้งตัวบ่งชี้จะแสดงการเคลื่อนไหวในอนาคต ดังนั้นจึงถูกใช้เพื่อดูโมเมนตั้มในอนาคตของตลาดอยู่เสมอ

Momentum indicatorมีหลักการดังนี้ คือ มันจะแสดงความต่างระหว่างราคาปัจจุบันและราคาปิดในกรอบเวลาที่ผ่านมา เป็นผลทำให้นักเทรดได้รับสัญญาณซื้อขายเมื่อเกิดการเปรียบเทียบกันขึ้นและสิ่งที่ต้องทำคือสังเกตการเคลื่อนไหวของกราฟเส้นนี้ เมื่อกราฟเส้นพุ่งขึ้นเดาได้ว่าจะมีแนวโน้มขาขึ้น และเมื่อกราฟดิ่งลงก็คาดได้ว่าแนวโน้มจะเป็นขาลง

เครื่องมือทางเทคนิคตัวบ่งชี้โมเมนตั้มแสดงเวลาของตำแหน่งซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก เวลาราคาถึงจุดที่สูงสุดในชาร์ตเป็นเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการขาย และเมื่อราคาอยู่ในจุดต่ำจึงเป็นสัญญาณซื้อ

หลายครั้งที่โมเมนตั้มถูกนำไปเปรียบเทียบกับเครื่องมือเทคนิคอีกตัวหนึ่งคือ Stochastic แต่จากความเห็นส่วนใหญ่ของนักเทรด โมเมนตั้มทำให้เห็นภาพแนวโน้มได้ชัดเจนมากกว่าและใช้งานได้สะดวกกว่า

Stochastic

เป็นเวลาหลายปีที่ Stochasticได้รับการจัดว่าเป็นตัวบ่งชี้ทางเทคนิคที่นิยมใช้กันมากที่สุด ตัวบ่งชี้ใช้สำหรับการทำงานในช่องสัญญาณราคาซึ่งจะปรากฎบนชาร์ตในรูปแบบช่องสัญญาณหนึ่งที่มีกราฟเส้นจำกัดอยู่ 2  เส้น คือเส้นที่ต่ำกว่า (20) และเส้นที่สูงกว่า (80)หากราคาตัดผ่านเส้นด้านบน นักเทรดจะเข้าใจถึงสัญญาณว่าไม่ควรซื้อเพราะตลาดอยู่ในภาวะ “ซื้อมากเกินไป” เมื่อราคาตกลงไปอยู่ใต้เส้นที่ต่ำกว่าของช่องสัญญาณนั่นหมายถึงตลาดกำลัง “เทขายมากเกินไป” ในกรณีนี้การขายจะมีความเสี่ยงมากเพราะราคาจะดีดตัวขึ้นในอีกไม่ช้า

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *